การพนันกับกีฬาฟุตบอลนั้นเป็นของคู่กันมาแต่เนิ่นนานแล้ว ไม่ว่าจะพนันปากเปล่า หรือท้ากันกับเพื่อนเล่นๆเพื่อเป็นการข่มทีมที่ฝ่ายตรงข้ามเชียร์ หรือแสดงความศรัทธาอันแรงกล้าต่อทีมของตน รวมไปถึงการทำกำไรหลักพันหลักแสนพร้อมไปกับการเชียร์กีฬาที่ตนรัก เพื่อจะได้ดื่มด่ำชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ไปด้วยกันแบบเจ็บๆ ซึ่งในอดีตนั้นเคยมีการพนันบอลแบบถูกกฏหมายเป็นลายลักษณือักษรเกิดขึ้นมานานมากแล้วด้วย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ในไทย
แนวคิดนี้เกิดจากมันสมองของ จอห์น มัวร์, โคลิน แอสแกม และบิลล์ ฮิวจ์ ซึ่งร่วมกันก่อตั้ง บริษัท สลากกินรวบลิตเติลวู้ดส์ โดยในปี 1929 ลิตเติลวูดส์มีเสมียน คอยตรวจผลในคูปองถึง 50 คน บริษัทสลากกินรวบเวอร์นอน ซึ่งเป็นคู่แข่งสําคัญ ได้รางวัลสําหรับผู้ทายผลถูกทุกคู่เป็นเงินก้อนโต และต่อมาในปี 1949 บริษัทสลากกินรวบฟุตบอล ได้ขยายผลรับแทงฟุตบอลออสเตรเลียเป็นครั้งแรก รางวัลในฤดูหนาวผ่านหลัก 100,000 ปอนด์ในปี 1950 มาเป็น 300,000 ปอนด์ในอีก 9 ปีถัดมา
รัฐสภาอังกฤษ มีการออกกฏหมายให้การเปิดร้านรับพนันเป็นสิ่งถูกฏหมาย ในปี 1960 พอปีถัดมา ร้านรายเล็กรายใหญ่นับหลายพันร้านได้เปิดขึ้นทั่วอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาเฝ้ารอกฏหมายนี้อยู่นาน เพราะไม่ใช่ว่าการพนันจะเพิ่งมีขึ้นมาเมื่อไหร่ เพราะแรกเริ่มเดิมที อังกฤษอนุญาตให้มีการแทงพนันขึ้นได้เฉพาะการแข่งม้า หรือแข่งหมาเกรย์ฮาวน์ดเท่านั้น และต้องเป็นการแทงสดๆ ที่สนามแข่งด้วย โดยต้นกำเนิดของบริษัทรับพนันยักษ์ใหญ่ที่เรียกกันว่า “บิ๊ก ทรี” ในอังกฤษ จะมาจากการเปิดแทงหมา แทงม้า นี่แหละ
ทว่าทุกวันนี้ โครั่ล โดน แล้ดโบร้คส์ ควบรวมกิจการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2016 แต่ยังดำเนินธุรกิจภายในชื่อเดิมอยู่ และนอกจาก บิ๊ก ทรี เรายังพบเห็นร้านที่เป็นรายเล็กลงมาหน่อยอย่างเช่น แพ็ดดี้ พาวเวอร์ หรือ เบ็ท เฟร็ด อยู่บ้าง แต่จำนวนร้านมีน้อยกว่า 3 ยักษ์ใหญ่มากโดย คาดกันว่าทั่วอังกฤษมีร้านรับพนันถูกกฏหมายทั้งสิ้นราว 9000 กว่าร้าน โดยในช่วงพีคๆ ยุค 70s-80s เชื่อกันว่ามีถึง หมื่นกว่าร้าน แต่ค่อยๆ ปิดตัวลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่ามีจำนวนเยอะอยู่ดี พอๆ กับร้านสะดวกซื้อชื่อดังในบ้านเราเลย
ที่สำคัญ เขาจะมีป้ายโฆษณาแปะอยู่ให้เห็นเด่นชัดเสมอว่า Gamble Responsibly แปลได้ประมาณว่า “เสี่ยงดวงด้วยความรับผิดชอบ” หรือพูดง่ายๆ ว่า เล่นแต่พอดีพองาม ซึ่งมันเหมือนข้อตกลงที่มองไม่เห็น แต่คนอังกฤษเขาอยู่ร่วมกับการพนันที่ถูกกฏหมายเหล่านี้ได้ เพราะเขามองว่ามันคือความสนุก ตื่นเต้น ไม่ใช่แหล่งหาเงินหาทอง จนท้ายที่สุดต้องนั่งจมอยู่ในนั้นทั้งวัน